ควรกินยาคุมกำเนิดในเวลาเดิมทุกวัน หากลืมกินยาให้ทำตามคำแนะนำข้างต้น
การใช้ยาคุมกำเนิดร่วมกับอาหารและเครื่องดื่ม คุณสามารถกินยาคุมกำเนิดได้ในขณะท้องว่างหรือกินพร้อมอาหารร่วมกับน้ำเล็กน้อยเลยก็ได้
ห้ามกินยาคุมกำเนิดหลังวันหมดอายุที่แจ้งไว้บนแผงยา
เครดิตฟรี
ควรจดบันทึกประจำเดือนทุกครั้ง ถ้าหากประจำเดือนขาด 1 ครั้งร่วมกับมีประวัติลืมกินยา หรือไม่ลืมกินยาแต่ประจำเดือนขาด 2 ครั้ง คุณควรจะตรวจให้แน่ใจเสียก่อนว่าไม่ตั้งครรภ์ ก่อนจะเริ่มกินยาคุมกำเนิดแผงใหม่ (ถ้าแน่ใจว่าไม่ลืมกินยา ก็ให้เริ่มกินแผงใหม่ได้ตามปกติ)
ในระหว่างการใช้ยาคุมกำเนิด หากมีอาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย ถ่ายเหลว อาเจียนมาก จะมีผลทำให้การดูดซึมของยาน้อยลง คุณควรใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่น ๆ ร่วมด้วยอีก 7 วันหลังจากกินยาเม็ดแรก
เนื่องจากยาคุมกำเนิดมีฮอร์โมนที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคลิ่มเลือดอุดตัน ในระหว่างการใช้ยาคุมกำเนิดจึงควรงดการสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ
หากมีอาการผิดปกติรุนแรง เช่น ตาพร่ามัว ปวดศีรษะมาก เจ็บแน่นหน้าอกหรือปวดบริเวณน่องมาก คุณควรหยุดใช้ยาคุมกำเนิดทันทีและรีบปรึกษาแพทย์โดยเร็ว เพราะเหล่านี้อาจเป็นอาการของลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดได้ แต่หากมีอาการผิดปกติอื่น ๆ เช่น มีฝ้าขึ้น ปวดศีรษะ มีเลือดออกทางช่องคลอดมาก ก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเปลี่ยนชนิดของยาคุมที่กินอยู่หรือเปลี่ยนไปใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบอื่นแทน
หากต้องเข้ารับการตรวจเลือดหรือตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่น ๆ โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบว่า คุณกำลังกินยาคุมกำเนิด เพราะยาคุมกำเนิดอาจมีผลต่อผลการตรวจบางอย่างได้
หากต้องเข้ารับการผ่าตัดทุกชนิด คุณควรแจ้งให้แพทย์ด้วยว่ากำลังกินยาคุมกำเนิด เพราะยาคุมกำเนิดมีความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด
ควรตรวจภายในร่วมกับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูกทุก ๆ 1-2 ปี
ยาบางชนิดอาจมีผลต่อประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดได้ เช่น ยาฆ่าเชื้อ ยาปฏิชีวนะ หรือยากันชักบางชนิด คุณไม่ควรซื้อยาเหล่านี้มากินเอง หากคุณมีโรคประจำตัวหรือต้องกินยาเหล่านี้เป็นประจำ คุณควรปรึกษาแพทย์ในการเลือกใช้วิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ
ในกรณีที่ใช้ยาอื่นร่วมด้วย โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนว่า คุณกำลังใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรชนิดใดอยู่ และแจ้งให้แพทย์ผู้สั่งยาอื่นหรือเภสัชกรที่จ่ายยาให้ทราบทุกครั้งว่าคุณกำลังกินยาคุมกำเนิดชนิดใดอยู่ เพราะยาบางชนิดอาจลดประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดของยาเม็ดคุมกำเนิด หรืออาจทำให้มีเลือดออกผิดปกติได้ ซึ่งยาเหล่านี้ได้แก่ ยาที่ใช้ในการรักษาโรคลมชัก (เช่น พริมิโดน, เฟนนายโทอิน, บาร์บิทูเรท ฯลฯ), โรควัณโรค (เช่น ไรแฟมปิซิน), โรคติดเชื้อเอชไอวี (เช่น ไรโทนาเวียร์, เนวิราพีน), โรคติดเชื้ออื่น ๆ (ยาปฏิชีวนะ เช่น เพนนิซิลลิน), ยาจากพืชสมุนไพรเซนต์จอห์น เวิร์ท เป็นต้น และยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมยังอาจมีผลต่อยาอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น ลาโมไตรกีน, ไซโคสปอริน นอกจากนี้ในทางทฤษฎีแล้ว ระดับโพแทสเซียมในเลือดอาจสูงขึ้นด้วย หากกินยาคุมกำเนิดร่วมกับยาอื่นที่มีผลเพิ่มระดับโพแทสเซียมในเลือด
สำหรับการเก็บรักษายาคุมกำเนิด คุณควรเก็บให้พ้นมือและสายตาของเด็ก โดยเก็บในอุณหภูมิห้องปกติ
ลืมกินยาคุมกำเนิด
สล็อต
ปกติถ้าเรากินยาคุมกำเนิดหลังอาหารเย็น ถ้าลืมกินก็อาจไปกินก่อนนอนได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าก่อนเข้านอนแล้วยังลืมอีก เช้าวันรุ่งขึ้นก็ให้รีบกินยาเม็ดนั้นเสีย แต่ถ้ายังลืมอีกไปจนถึงอาหารเย็นของอีกวัน ขอแนะนำให้กินพร้อมกัน 2 เม็ดเลยครับ แม้บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะมากหน่อย แต่หลังจากนั้นก็จะปกติเองครับ นี้คือในกรณีที่เราลืมกินยาไม่เกิน 1 วัน (การลืมกินยาบ่อย ๆ หลาย ๆ วันอาจทำให้มีเลือดออกกะปริดกะปรอย ทำให้ไข่ตกและตั้งครรภ์ได้ แต่ถ้าประจำเดือนมาตามกำหนดเวลาก็แปลว่าไม่ตั้งครรภ์ แต่ถ้าประจำเดือนไม่มาก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้แผงต่อไปครับ)
ถ้าลืมกินยาคุม 2 วันติดต่อกัน ให้กินยาเช้า-เย็น ติดต่อกัน 2 วัน แล้วจึงกินเม็ดต่อไปตามปกติ เช่น ลืมกินยา (ตอนเย็น) วันจันทร์และวันอังคาร วันพุธให้กินยาตอนเช้า 1 เม็ด ตอนเย็น 1 เม็ด ส่วนวันพฤหัสก็กินยาตอนเช้า 1 เม็ด และตอนเย็น 1 เม็ด แล้ววันต่อไปคือวันศุกร์ก็ให้กินตามปกติตามเวลาเดิมวันละ 1 เม็ด (วันศุกร์กินตอนเย็น 1 เม็ด) เรื่อยไปจนครบแผง
ถ้าลืมกินยาคุม 3 วัน แนะนำให้หยุดกินยา แล้วรอให้มีประจำเดือนมาก่อนแล้วจึงค่อยเริ่มกินแผงใหม่
ผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิด
อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อย หรือพบได้ประมาณ 1-10 คน ในผู้ใช้ยา 100 คน สำหรับยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม
มีอาการคล้ายคนแพ้ท้อง ผู้ที่กินยาคุมกำเนิดแผงแรก ๆ อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะคล้ายคนแพ้ท้อง (โดยเฉพาะใน 3 แผงแรก) ทำให้บางคนคิดว่าแพ้ยาหรือตั้งครรภ์ ในกรณีนี้ไม่ต้องตกใจครับ ให้กินยาต่อไปจนครบแผง พอแผงต่อไปร่างกายจะเริ่มปรับตัวเข้ากับยาและมีอาการน้อยลงเรื่อย ๆ เอง
อารมณ์เปลี่ยนแปลง (อารมณ์แปรปรวน) อาจมีอารมณ์ซึมเศร้าหรือมีอารมณ์ดีขึ้น หรือมีอารมณ์ทางเพศเปลี่ยนแปลงไป บางรายอาจรู้สึกดีขึ้นเนื่องจากหมดความกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ แต่บางรายก็อาจมีความรู้สึกทางเพศลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนเพศชายลดลง หากเป็นมากก็ควรรีบไปพบแพทย์ แต่ก็ต้องหาสาเหตุด้วยนะครับว่าเกิดจากอะไร เพราะอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงอาจไม่ได้เกิดจากการใช้ยาคุมกำเนิดก็ได้
เลือดออกกะปริดกะปรอยทางช่องคลอด ซึ่งมักจะเกิดขึ้นใน 1-3 สัปดาห์แรกของกาเริ่มกินยาคุมกำเนิด สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการใช้ยาคุมที่มีฮอร์โมนต่ำเกินไป หรือกินยาไม่ตรงเวลา กินบ้างไม่กินบ้าง
ประจำเดือนมาน้อย ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดฮอร์โมนรวมจะทำให้ประจำเดือนมาน้อยลง ซึ่งเป็นผลดีกับคนที่เลือดจางจากการขาดอาหารและธาตุเหล็ก เมื่อกินแล้วโอกาสที่เลือดจะจางก็น้อยลง
เป็นฝ้า ยาคุมกำเนิดฮอร์โมนรวมบางชนิดกินแล้วทำให้เกิดฝ้า (ฮอร์โมนเป็นเพียงปัจจัยเสริมทำให้เกิดฝ้า) คุณควรหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดเป็นเวลานาน ๆ (แต่ยาคุมบางชนิดที่กินแล้วไม่เป็นฝ้าก็มีครับ แต่จะมีราคาค่อนข้างแพงกว่าปกติ) เมื่อหยุดใช้ยาแล้วฝ้าจะจางลงเอง
สล็อตออนไลน์
อาการอื่น ๆ ที่อาจพบได้ เช่น ไมเกรน มีอาการปวดเต้านม รู้สึกบวมน้ำ ความรู้สึกทางเพศลดลงหรือหายไป มีเลือดออกที่มดลูกผิดปกติ (เลือดออกระหว่างรอบเดือน) เลือดออกทางช่องคลอด มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นในบางราย (เป็นผลมาจากการที่ร่างกายมีน้ำและเกลือแร่คั่งในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง) ในกรณีนี้ก็ต้องระวังเรื่องอาหารการกินมากน้อย อย่ากินแป้งและไขมันมากเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับอาการข้างเคียงของการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่พบได้น้อย (พบได้ 1-10 คน ในผู้ใช้ยา 10,000 คน) ได้แก่ ภาวะลิ่มเลือดหลุดอุดตันหลอดเลือดดำและหลอดเลือดแดง ส่วนอาการไม่พึงประสงค์ที่พบได้น้อยมาก ซึ่งถูกประเมินว่าเกี่ยวข้องกับยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ได้แก่ เนื้องอก (ยังไม่แน่ชัดว่ามีความสัมพันธ์โดยตรงต่อการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดหรือไม่) มะเร็งตับ ฝ้า (ยาคุมกำเนิดบางชนิดกินแล้วอาจทำให้เกิดฝ้าได้ คุณควรหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดเป็นเวลานาน ๆ เมื่อหยุดใช้ยาแล้วฝ้าจะจางลงเอง ผิวหนังมีลักษณะเป็นก้อนกลมแดงนูนออกมา (Erythema nodosum) ความดันโลหิตสูง การทำงานของตับไม่ปกติ
คำแนะนำ : ในระหว่างการใช้ยาคุมกำเนิดหากคุณมีอาการเหล่านี้ คุณควรรีบไปพบแพทย์ เช่น มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และปวดศีรษะมาก มีอารมณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง (ซึมเศร้ามาก) มีเลือดออกทางช่องคลอดในปริมาณมาก หรือมีอาการแน่นหน้าอก ปวดบริเวณน่อง หรือขาบวม 1 ข้าง หรือตรวจพบว่ามีการตั้งครรภ์ในขณะใช้ยาคุมกำเนิด
คำถามที่พบบ่อย
Q : ซื้อยาคุมกำเนิดมากินเองได้หรือไม่ ?
A : หากไม่สะดวกไปพบแพทย์ก็สามารถซื้อยามากินเองได้ครับ แต่ต้องศึกษาให้รู้จริง หรือลองปรึกษาเภสัชกรในร้านยาใกล้บ้านก็ได้ครับ และเมื่อใช้ไปแล้วประมาณ 1 ปี ก็ควรจะไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพดูสักครั้ง
Q : ยาคุมยี่ห้อไหนดีที่สุด ?
A : ไม่มียาคุมยี่ห้อไหนที่ดีที่สุดและเหมาะกับทุกคน เพราะร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน คงต้องเลือกที่เหมาะกับเรา “ยาคุมที่ดีที่สุดคือยาคุมที่เหมาะสมกับเรา”
Q : กินยาจะทำให้อ้วนไหม ?
A : ขึ้นอยู่กับชนิดของยาและตัวบุคคลครับ ถ้าเป็นคนที่อ้วนง่ายหรือมีแนวโน้มจะอ้วนง่ายอยู่แล้ว กินไปก็จะเห็นผลทันตา แต่ถ้าเป็นคนผอม กินเข้าไปยังไงก็ไม่อ้วนครับ
Q : ยาคุม 21 เม็ด กับ 28 เม็ด แตกต่างกันอย่างไร ?
A : ไม่แตกต่างกัน เพราะยาคุมทั้งสองแบบต่างก็ฮอร์โมน 21 เม็ดเท่ากัน แต่ยาคุมแบบ 28 เม็ด จะมี 7 เม็ดที่ซึ่งเป็นแป้งเพิ่มเข้ามาไว้กินกันลืม หลาย ๆ คนมักเข้าใจผิดคิดว่าเมื่อกินยาคุมแบบ 28 เม็ด หมดแผงแล้วจะต้องเว้นไปอีก 7 วัน จึงค่อยเริ่มแผงใหม่ นั้นเป็นความเข้าใจที่ผิดนะครับ ขอย้ำนะครับว่าถ้ากินแบบ 21 เม็ด จะต้องเว้นไปอีก 7 วันก่อนเริ่มกินแผงใหม่ แต่ถ้ากินแบบ 28 เม็ด ไม่ต้องเว้น ให้กินแผงใหม่ต่อไปได้เลย หรือพูดง่าย ๆ คือ กินทุกวันครับ (ยาคุมกำเนิดรุ่นใหม่ ๆ อาจมีฮอร์โมน 24 เม็ด และแป้งหรือยาหลอกอีก 4 เม็ดก็ได้ แต่วิธีกินก็เหมือนกับยาชนิด 28 เม็ดทุกประการครับ)
Q : จะเริ่มกินยาคุมกำเนิดได้เมื่อไหร่ ?
A : การเริ่มกินยาเม็ดแรก ให้เริ่มภายใน 5 วันแรกของรอบประจำเดือน เช่น ประจำเดือนมาวันที่ 1 ก็เริ่มกินได้ตั้งแต่วันที่ 1 เลย หรือมีเวลาอีก 4 วัน คือ วันที่ 2, 3, 4 และวันที่ 5 (ในแผงแรกถ้ายาคุมกำเนิดที่ใช้มีฮอร์โมนต่ำ ควรเริ่มกินตั้งแต่วันแรกที่มีประจำเดือนครับ เพราะจะให้ผลดีกว่าวันหลัง ๆ ) ส่วนคนกินยาคุมกำเนิดเฉพาะวันที่มีการร่วมเพศ แบบนั้นเสี่ยงมากครับ มีโอกาสตั้งครรภ์สูง เพราะยาจะไม่มีผล แถมยังอาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอยเวลาได้ด้วย
Q : กินยาคุมแผงแรกช้ากว่ากำหนด จะเป็นอย่างไร ?
A : การเริ่มกินยาหลัง 5 วันแรกของการมีประจำเดือนสามารถทำได้ครับ แต่ไม่แนะนำ เนื่องจากประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดจะไม่แน่นอน แต่ถ้ากินมาแล้วก็ให้กินต่อไปครับ และต้องใช้วิธีคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วยอย่างน้อย 7 วันหลังจากกินยาเม็ดแรก
Q : กินยาคุมไม่ตรงเวลา แต่กินทุกวัน จะเป็นอะไรไหม & ต้องกินยาคุมตรงเวลาไหม ?
A : ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดจะลดน้อยลง แต่ถ้าเรากินตรงเวลาทุกวันจะมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดเกิน 99%
Q : จำเป็นแค่ไหนที่ต้องกินยาคุมในเวลาเดียวกันทุกวัน ?
A : สำหรับยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมอาจจะไม่ต้องตรงเวลาเป๊ะมากก็ได้ครับ สามารถคลาดเคลื่อนจากเวลาที่กินเดิมได้ไม่เกิน 5-6 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ตัวนี้ต้องกินตามเวลาเดิมทุก ๆ วัน คลาดเคลื่อนได้ไม่เกิน 3 ชั่วโมง เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดลดลง
Q : ยาคุมกำเนิดจะเริ่มมีผลเมื่อไหร่ ?
A : เมื่อกินไปได้ประมาณ 4-5 เม็ด (ในแผงแรกถ้ากินภายใน 5 วันหลังจากประจำเดือนมาวันแรก ก็จะสามารถคุมกำเนิดได้ทันทีตั้งแต่กินเม็ดแรก)
[NPC4]
Q : กินยาคุมแล้วมีเลือดออกกะปริดกะปรอยคล้ายประจำเดือน ในระหว่างที่กินยาคุมกำเนิดหรือหลังจากเริ่มกินยาคุมกำเนิด ผิดปกติหรือไม่ ?
A : ไม่ครับ เพราะเป็นอาการข้างเคียงที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้ที่เพิ่งเริ่มกินยาคุม 1-3 แผงแรก โดยส่วนใหญ่แล้วอาการเลือดออกกะปริดกะปรอยจะหายไปเอง แต่ถ้าไม่หายภายใน 3 เดือน หรือกังวลใจมาก ๆ คุณควรปรึกษาแพทย์
Q : กินยาคุมกำเนิดแล้วเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน จะทำอย่างไร ?
A : อาการดังกล่าวเกิดจากผลข้างเคียงของยา โดยเฉพาะยาคุมกำเนิดที่มีระดับฮอร์โมน EE สูง คุณควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อเปลี่ยนมาใช้ยาคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมนต่ำ เช่น Yaz
Q : หลังกินยาคุมกำเนิดแล้วอาเจียนออกมา จะทำอย่างไร ?
A : หากอาเจียนหรือมีอาการท้องเสียอย่างรุนแรงหลังจากกินยา ตัวยาสำคัญในยาเม็ดอาจไม่ถูกดูดซึมอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะมีผลคล้ายกับการลืมกินยา ดังนั้นหากคุณอาเจียนภายใน 3-4 ชั่วโมง หลังกินยาคุมกำเนิด ให้กินซ้ำอีก 1 เม็ด แต่ถ้าเกินกว่านี้ก็ต้องกินครับ เพราะตัวยาจะถูกดูดซึมหมดแล้ว
Q : ทำยาคุมกำเนิดหายไป 1 เม็ด ควรทำอย่างไร ?
A : ถ้าเป็นแบบ 21 เม็ด ก็ให้ซื้อมาใหม่อีกแผง แล้วแกะออกมา 1 เม็ด (เม็ดไหนก็ได้) แล้วเอามาเสริมเม็ดที่หายไป ส่วนแผงที่แกะแล้วให้เก็บไว้เป็นอะไหล่เผื่อหายเผื่ออาเจียนครับ ส่วนแบบ 28 เม็ด ถ้าเป็นเม็ดแป้งหายก็ให้เว้นไม่ต้องกินในวันของเม็ดที่หาย แต่ถ้าเม็ดที่หายเป็นตัว ก็ให้ทำแบบเดียวกับ 21 เม็ดครับ
Q : กินยาคุมกำเนิดแบบ 21 เม็ดจนครบแล้ว ช่วงที่หยุดยา 7 วัน จะยังคุมกำเนิดได้อยู่ไหม ?
A : ยังคุมกำเนิดได้อยู่ครับ ไม่ต้องห่วง
Q : จะเปลี่ยนจากแบบ 28 เม็ด ไปเป็น 21 เม็ด จะต้องทำอย่างไร ?
A : กินแผงเดิมครบ 28 เม็ด ก็เริ่มกินแผงใหม่ชนิด 21 เม็ดต่อได้ทันที ส่วนประสิทธิภาพยังเหมือนเดิม
Q : จะเปลี่ยนยาคุมจาก 21 เม็ด เป็น 28 เม็ด จะต้องทำอย่างไร ?
A : ควรกินแผงเดิมให้ครบ 21 ก่อน และเว้นไปอีก 7 วัน แล้วจึงเริ่มกินแผงใหม่ที่เป็น 28 เม็ดได้เลย
Q: ยาคุมแบบ 28 เม็ด เราจะไม่กิน 7 เม็ดสุดท้ายที่เป็นแป้งได้หรือไม่ ?
A : ได้ครับ ถ้าไม่กลัวลืม ไม่กลัวสับสน แต่ถ้าทำอย่างนั้นแนะนำว่าใช้แบบ 21 เม็ดไปเลยจะดีกว่าครับ
Q : ถ้ากินยาคุมกำเนิดแบบ 21 เม็ด แล้วเว้นระยะเกิน 7 วัน ก่อนที่จะกินแผงต่อไป จะทำได้ไหม ?
A : ในกรณีที่ลืมหรือเริ่มแผงต่อไปช้าเกิน 7 วัน จะทำให้ประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดลดลง ในช่วงแรกจะต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น การสวมถุงยาง ในช่วง 7 วันแรกที่เริ่มแผงใหม่
Q : กินยาคุมแบบ 21 เม็ด แต่เว้นไม่ครบ 7 วัน (กินก่อนครบ 7 วัน) จะต้องทำอย่างไร ?
A : สามารถกินต่อไปได้เลยไม่มีปัญหา ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดก็ยังเหมือนเดิม
Q : มีความจำเป็นอยากเปลี่ยนวันกินยาคุมกำเนิด ต้องทำอย่างไร ?
A : สำหรับยาคุมแบบ 21 เม็ด แทนที่จะเว้นระยะในระหว่าง 7 วันแล้วค่อยกิน ก็ให้เปลี่ยนมาเริ่มกินแผงใหม่ได้เลยในวันที่ต้องการ สำหรับยาคุมแบบ 28 เม็ด ก็ให้เปลี่ยนมาเริ่มกินแผงใหม่ได้ตั้งแต่ในช่วงเม็ดที่ 22-28 ของแผงเดิม
Q : กินยาคุมแบบ 21 เม็ด อยากเลื่อนประจำเดือน ควรทำอย่างไร ?
A : ในกรณีที่กินยาหมดแผงครบ 21 เม็ดแล้ว และมีความจำเป็นจะเลื่อนประจำเดือนออกไปหรือไม่ต้องการให้มีประจำเดือนมาในช่วงที่จะต้องหยุดยา เช่น กรณีแฟนมาหา ก็ให้กินแผงใหม่ต่อจนครบ 42 เม็ดเลยครับ พอครบแล้วก็ค่อยเว้นไปอีก 7 วัน ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดยังมีเท่าเดิม ไม่ต้องห่วง (ถ้าเป็นแบบ 28 เม็ด ให้เด็ด 7 เม็ดสุดท้ายที่เป็นแป้งทิ้งไปเลย)
Q : ถ้าจะเปลี่ยนยี่ห้อยาคุมกำเนิด จะต้องทำอย่างไร ?
A : กินแผงเก่าให้ครบแล้วเปลี่ยนได้เลย ถ้าเป็นแบบ 21 วันเมื่อกินครบแผงแล้ว ก็เว้นไปอีก 7 วันแล้วกินยี่ห้อใหม่ได้เลย แต่ถ้าเป็นแบบ 28 เม็ดเมื่อกินครบแผงแล้วก็เริ่มแผงใหม่ได้ทันที แม้ว่ายี่ห้อใหม่จะมีปริมาณฮอร์โมนต่างกับยี่ห้อเดิมหรือไม่ก็ตาม
[NPC5]
Q : กินยาคุมย้อนศร & กินยาคุมผิดวัน จะต้องทำอย่างไร ?
A : กรณีของยาคุม 21 เม็ด จะสลับกินเม็ดไหนก็ได้ แต่ที่ให้กินเรียงกันไปก็เพื่อความสะดวกและกันลืม เช่น ต้องกินเม็ดที่ 10 แต่กลับไปกินเม็ดที่ 20 ก็ไม่เป็นไรครับ พอวันที่ 11 ก็กินของวันที่ 11 ไปตามปกติ จนถึงวันที่ 20 ก็ให้กลับมากินของเม็ดที่ 10 ที่เราข้ามไป เนื่องจากทุกเม็ดมีตัวยาและขนาดยาเหมือนกัน แต่ในกรณีของยาคุมกำเนิดหลายระยะที่แต่ละเม็ดจะไม่เท่ากัน วันที่ 10 ก็ต้องกลับมากินเม็ดที่ 10 แล้วกินต่อไปเรื่อย ๆ ร่วมไปกับการใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่น ๆ
Q : อายคนอื่นกลัวพ่อแม่เห็นที่พกยาคุม จะทำอย่างไร ?
A : แกะยาออกจากแผง แล้วนำยามาใส่ซองยาธรรมดาแทน
Q : 2-3 เดือนเจอกันครั้งหนึ่ง จะกินยาคุมอย่างไร ?
A : ถ้าแฟนจะมาวันไหน ก็ควรเริ่มกินยาคุมรอไว้เลย สมมติว่า แฟนจะมาเดือนหน้า จะเจอกันก่อนประจำเดือนรอบใหม่จะมา ถ้าเดือนนี้พอประจำเดือนมาก็เริ่มกินรอไว้เลย
Q : ไปต่างจังหวัด แต่ลืมยาคุมกำเนิด จะต้องทำอย่างไร ?
A : ควรซื้อยาคุมกําเนิด แผงใหม่ และหยิบเม็ดไหนก็ได้กินต่อไปเลย หลังจากกลับมาแล้วก็แกะแผงเก่าทิ้งเท่าจำนวนที่กินไป แล้วก็กินแผงเก่าต่อ ส่วนแผงใหม่นั้นก็เก็บไว้เป็นยาสำรอง
Q : หลังกินยาคุมประจําเดือนจะมาเมื่อไหร่ ?
A : ในช่วงเว้น 1 สัปดาห์หรือช่วงกินยาหลอก ประจำเดือนจะเริ่มมาหลังจากหยุดกินยาไปได้ประมาณ 2-4 วัน (อย่างกินเม็ดสุดท้ายหรือเม็ดที่ 21 ตอนเช้าวันที่ 30 กันยายน วันที่ 2 ตอนเช้า ถึงวันที่ 4 ตุลาคม ประจำเดือนก็จะเริ่มมาแล้วครับ)
Q : กินยาคุมแบบ 21 เม็ดจนครบแผง อีก 7 วัน ประจำเดือนยังไม่มา ควรทำอย่างไร ?
A : เริ่มกินแผงต่อไปทันที
Q : กินยาคุมกำเนิดแบบ 21 เม็ดจนครบแล้ว ต้องรอให้ประจำเดือนมาก่อนแล้วค่อยกินต่อใช่ไหม ?
A :ไม่ใช่ เมื่อครบ 7 วันแล้ว วันถัดมาให้กินแผงใหม่ได้เลย ไม่ว่าประจำเดือนจะมาหรือไม่ก็ตาม
Q : กินยาคุมแล้วประจําเดือนไม่มา & กินยาคุมแล้วท้อง จะต้องทำอย่างไร ?
A : หากกินยาคุมกำเนิดอย่างถูกต้องจนหมดแผง และไม่มีอาการอาเจียนหรืออาการท้องเสียอย่างรุนแรง และไม่ได้ใช้ยาชนิดอื่นร่วมด้วย ก็ไม่น่าจะมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น กรณีนี้ให้กินยาคุมแผงต่อไปได้เลย แต่หากกินยาคุมกำเนิดไม่ถูกต้อง หรือหากกินอย่างถูกต้องแล้ว แต่ไม่มีเลือดประจำเดือนออกมา 2 เดือนติดต่อกัน อาจเกิดการตั้งครรภ์ได้ ควรรีบไปพบแพทย์และไม่ควรกินยาคุมกำเนิดแผงต่อไปจนกว่าจะแน่ใจแล้วว่าไม่ตั้งครรภ์ ในระหว่างนี้ก็ให้ใช้วิธีคุมกำเนิดที่ไม่ใช่ฮอร์โมนแบบอื่นไปก่อน
Q : การกินยาเม็ดคุมกำเนิด จะทำให้ตรวจการตั้งครรภ์ผิดพลาดได้หรือไม่ ?
A : ไม่ครับ
Q : เมื่อกินยาคุมกำเนิดต่อเนื่องไปนาน ๆ ควรพักการบ้างหรือไม่ ?
A : ไม่ต้องพักก็ได้
Q : สามารถกินยาคุมกำเนิดติดต่อกันได้นานแค่ไหน ?
A : ถ้าอายุยังน้อย ก็กินได้หลายปี 5-10 ปีก็ไม่เป็นอะไร
Q : กินยาเม็ดคุมกำเนิดแล้วยังมีโอกาสตั้งครรภ์อยู่หรือไม่ ?
A : การกินยาคุมกำเนิดพบว่ายังมีอัตราการตั้งครรภ์ได้ที่ 9% เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่าง เช่น ลืมกินยาคุมกำเนิด กินยาไม่ตรงเวลา หรือมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียง หรือได้รับยาอื่น ๆ ที่ไปรบกวนการออกฤทธิ์ของยาคุมกำเนิด ซึ่งเหล่านี้สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ให้มีโอกาสเกิดน้อยลงได้ คือ กินยาทุกวันให้ตรงเวลา หรือใช้วิธีคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วยเมื่อมีอาการทางระบบทางเดินอาหาร (คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย) อย่างน้อย 7 วันหลังกินยาเม็ดแรก
Q : หากกินยาเม็ดคุมกำเนิดมากเกินไปจะเป็นอย่างไร ?
A : ยังไม่มีรายงานถึงผลเสียที่เป็นอันตรายร้ายแรงจากการกินยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมมากเกินไป แต่หากกินหลายเม็ดพร้อมกันในคราวเดียว อาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายตัวหรือคลื่นไส้ ในสตรีที่อายุน้อย อาจพบว่ามีเลือดออกทางช่องคลอด หากคุณกินมากเกินไปหรือพบว่าเด็กกินเข้าไป ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
Q : กินยาคุมกำเนิดนาน ๆ อันตรายไหม ?
A : เป็นอีกหนึ่งคำถามที่พบบ่อย เพราะมีหลาย ๆ คนกินยาคุมกำเนิดมาเกินกว่า 5 ปีแล้ว ขอยืนยันว่าคุณไม่มีโรคประจำตัวใด ๆ การกินยาคุมกำเนิดไปนาน ๆ ก็ไม่มีผลเสียอะไร แต่อย่างไรก็ตาม คุณก็ควรจะไปตรวจสุขภาพทุกปีเพื่อตรวจดูว่ามีความผิดปกติหรือไม่ และต้องยึดหลักที่ว่า “ยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นวิธีการคุมกำเนิดชั่วคราว ถ้ามีลูกพอแล้วก็ควรทำหมันจะดีกว่า”
Q : กินยาคุมนาน ๆ จะทำให้มีบุตรยาก แท้งบุตรง่าย เด็กเกิดมาพิการ หรือปัญญาอ่อน จริงหรือไม่?
A : ไม่จริงแต่อย่างใด
Q : กินยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน จะทำให้มีลูกยากจริงไหม ?
A : จากการศึกษาเป็นเวลานานไม่พบว่าการกินยาคุมกำเนิดเป็นระยะเวลานาน ๆ จะทำให้มีลูกยากหรือเป็นหมัน แต่ถ้าหยุดยาแล้วยังไม่ตั้งครรภ์สักทีก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ
Q : ยาคุมกำเนิดทำให้น้ำนมลดจริงหรือ ?
A : การกินยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมหลังคลอดทันที อาจมีผลต่อการผลิตน้ำนมได้ ควรรอประมาณเดือนครึ่งแล้วจึงค่อยเริ่มกินยาคุมกำเนิด เพราะจะทำให้ปริมาณของน้ำนมไม่เปลี่ยนแปลงหรืออาจลดลงบ้างเพียงเล็กน้อย (ไม่มีผลต่อลูกน้อยแต่อย่างใด ให้ลูกกินนมแม่ได้ตามปกติ) สำหรับคุณแม่บางรายที่มีปริมาณน้ำนมน้อยอยู่แล้ว แพทย์จะจ่ายยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนเพียงอย่างเดียวให้คุณแม่ในช่วงที่ให้นมลูก ซึ่งยาคุมกำเนิดชนิดนี้จะไม่ทำให้น้ำนมแม่ลดลงแต่อย่างใด
Q : กินยาคุมแล้วอารมณ์ทางเพศและน้ำหล่อลื่นลดลง จะทำอย่างไร ?
A : มีบางรายที่พบว่ากินแล้วมีอารมณ์ทางเพศน้อยลง หรือบางรายมีน้ำหล่อลื่นลดลง กรณีให้คุณลองเปลี่ยนไปใช้ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนน้อยลงก็จะช่วยได้ แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้นก็คงต้องเปลี่ยนไปใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบอื่นแทน
Q : ยาคุมยี่ห้อไหนกินแล้วไม่อ้วน (ยาคุมที่กินแล้วไม่อ้วน) & กินยาคุมแล้วอ้วน ทําไงดี ?
A : ลองเปลี่ยนมาใช้ยาคุมกำเนิดของ Yasmin หรือของ Yaz ดูครับ เพราะสองตัวนี้มีฤทธิ์ต้านการคั่งของน้ำในร่างกาย เสมือนว่าเป็นยาขับปัสสาวะอ่อน จึงช่วยลดอาการบวมน้ำ ทำให้น้ำหนักตัวคงที่ไม่เพิ่มขึ้น
Q : ยาคุมลดสิว & ยาคุมรักษาสิวที่ดีที่สุด คือยี่ห้อใด ?
A : Diane-35, Yasmin, Yaz ครับ แต่ต้องเลือกใช้เหมาะกับตัวเราด้วย
Q : อยากเปลี่ยนมากินยาคุมกำเนิดแทนการฉีดยาคุม จะเริ่มกินยาได้เมื่อไหร่ ?
A : เริ่มกินเม็ดแรกคือวันที่ครบกำหนดฉีดในครั้งต่อไป แม้ประจำเดือนจะมาหรือไม่ก็ตาม สามารถกินได้เลย ไม่ต้องรอ
Q : ถ้าไม่ต้องใช้ยาคุมกำเนิดแล้ว สามารถหยุดกินกลางคันได้ไหม ?
A : ควรกินต่อให้ครบแผงแล้วค่อยหยุด
Q : แฟนไม่อยู่หลายเดือน ควรหยุดกินยาคุมกำเนิดหรือไม่ ?
A : ไม่ควรครับ เพราะการที่กินยาคุมกำเนิดมาแล้วหลายแผง เมื่อหยุดยา ประจำเดือนอาจไม่มาหรือมาช้ากว่าปกติก็ได้ พอแฟนกลับมา จึงยังไม่ทันได้เริ่มกินยาคุมกำเนิด (เนื่องจากรอบเดือนยังไม่มา) ก็เลยไม่ได้คุมกำเนิด ดังนั้นถ้าจะหยุดกินชั่วคราวแค่ 1-2 เดือน ขอแนะนำว่าให้กินต่อเนื่องไปเลยจะดีกว่าครับ
Q : สามีไปทำงานต่างประเทศหลายเดือน จะหยุดกินยาคุมได้ไหม ?
A : หยุดกินได้ แต่ต้องกินให้หมดแผงแล้วค่อยหยุด ถ้าไปไม่ถึงเดือนก็ไม่ควรหยุดกิน
Q : หลังหยุดกินยาคุม สามารถเริ่มตั้งครรภ์ได้ทันทีหรือไม่ หรือต้องนานไหม ?
A : หลังจากหยุดกินยาคุมสามารถเริ่มตั้งครรภ์ได้ทันที โดยทั่วไปไข่จะตกหลังจากหยุดยาคุมไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ และประจำเดือนจะเริ่มมาหลังจากหยุดยาคุมแล้วประมาณ 4-6 สัปดาห์